ประเภท ลักษณะ ที่มา โทษ ภูมิคุ้มกัน แหล่งรักษา กฎหมาย หน้าแรก

ชื่อทั่วไป :ฝิ่น (Opium)
ชื่ออื่น ๆ :PAPAVER SOMNIFERUM และ PAPAVER BRACTEATUM (ชื่อทางพฤกษศาสตร์) หมู (ฝิ่นที่คลุกยาฉุน ยาเส้น ใบพลู ใบจาก หรือกัญชาใช้ม้วนสูบด้วยกล้อง)
สารเคมีที่ออกฤทธิ์ : Morphine และ อัลคาลอยด์ของฝิ่น
ลักษณะทางกายภาพ
เนื้อฝิ่นได้มาจากยางของผลฝิ่นที่ถูกกรีดจะมีสีขาว เมื่อถูกอากาศจะมีสีคล้ำลง กลายเป็นยางเหนียวสีน้ำตาลไหม้ หรือดำ มีกลิ่นเหม็นเขียวและรสขม เรียนว่า “ฝิ่นดิบ” ส่วนฝิ่นที่มีการนำมาใช้เสพ เรียกว่า “ฝิ่นสุก” ได้มาจากนำฝิ่นดิบไปต้มหรือเคี่ยวจนสุก
ประวัติความเป็นมา
ฝิ่น เป็นยาเสพติดให้โทษที่สำคัญชนิดแรกที่แพร่เข้ามาสู่ประเทศไทย แต่จะเข้ามาตั้งแต ่เมื่อใดไม่ ปรากฏหลักฐานยืนยัน จากการสันนิษฐานทางประวัติศาสตร์ น่าเชื่อว่าคนไทยได้รับอิทธิพลถ่ายทอดเกี่ยวกับเรื่องฝิ่นมาจากชาวจีน ในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น เนื่องจากมีสำเภาจีนเดินทางบรรทุกสินค้าเข้ามาค้าขายกับคนไทยจนเป็นที่นิยมในกรุงศรีอยุธยา จนสืบเนื่องมาถึงกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้นก็ยังคงมีการจำหน่ายและเสพฝิ่นกันอย ู่อย่างแพร่หลายโดยรัฐบาล เพียงแต่เข้มงวดในเรื่องการควบคุมภาษีฝิ่นเท่านั้น แต่ยังมีคนไทยลักลอบซื้อขาย และสูบฝิ่นกันอยู่จำนวนมาก
ต่อมาในปี พ.ศ.2501 คณะปฏิวัติภายใต้การนำของ ฯพณฯจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ เห็นสมควรให้การเสพและจำหน่ายฝิ่นในประเทศไทยเป็นสิ่งผิดกฎหมาย และได้มีประกาศของคณะปฏิวัติให้เลิกการเสพและจำหน่ายฝิ่นโดยเด็ดขาดทั่วราช อาณาจักรตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2502 เป็นต้นไป

ประเภทของยา : ฝิ่น (ฝิ่นดิบ ฝิ่นสุก มูลฝิ่น) จัดเป็นยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 2 พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522

แหล่งผลิต :
ฝิ่นเป็นพืชล้มลุกขึ้นในที่สูงกว่าระดับน้ำทะเลประมาณ 3,000 ฟุตขึ้นไป เป็นยาเสพติดที่เป็นต้นตอของยาเสพติดร้ายแรง เช่น มอร์ฟีน เฮโรอีน และโคเดอีน นอกจากประเทศไทยจะประสบปัญหาการลักลอบค้าและการลำเลียงฝิ่นตาม แนวชายแดนจากประเทศเพื่อนบ้านแล้ว ยังมีการลักลอบปลูกฝิ่นในประเทศไทย โดยใน ปี 2541/2542 มีพื้นที่ปลูกฝิ่นประมาณ 9,007 ไร่ ลดลงจากปี 2540/2541 ประมาณ 279 ไร่ กองทัพบกและตำรวจภูธรได้เข้าปฏิบัติการตัดฟันทำลายไร่ฝิ่น 5,051 ไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 56.08 ของพื้นที่ปลูกฝิ่นทั้งหมดในประเทศ 
พื้นที่ที่มีการลักลอบปลูกฝิ่นมาก ได้แก่ พื้นที่ อ.อมก๋อย อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ อ.ปาย อ.ปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย และ อ.ท่าสองยาง จ.ตาก โดยมีการลักลอบปลูกหลายครั้งใน พื้นที่เดียวกัน และมีแนวโน้มที่จะปลูกเพื่อการค้ามากขึ้น

การแพร่ระบาด :
จากสถิติผู้เข้ารับการบำบัดรักษา พบว่า ผู้เสพส่วนใหญ่ยังคงเป็นผู้เสพเดิมและมักจะเสพกันในกลุ่ม ผู้ที่มีอายุมาก คือ ตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไป ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่ไม่ได้รับการศึกษาเลย หรือได้รับการศึกษาน้อยเพียงระดับประถมศึกษา กลุ่มผู้เสพประกอบอาชีพเกษตรกรหรือรับจ้าง เมื่อพิจารณาจากสถิติผู้เข้ารับการบำบัดรักษา พบว่า ภาคเหนือเป็นพื้นที่ที่มีปัญหาการแพร่ระบาดฝิ่นมาก โดยเฉพาะใน จ.เชียงใหม่ จ.เชียงราย จ.แม่ฮ่องสอนและ จ.ตาก

การออกฤทธิ์ :
ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทส่วนกลางมีผลกดประสาท โดยกดการทำงานของระบบประสาทส่วนกลาง สารเคมีที่มีผสมอยู่มากมายในเนื้อฝิ่น ซึ่งประกอบด้วย โปรตีน เกลือแร่ ยาง และกรดอินทรีย์ เป็น Alkaloid ซึ่งเป็นสารผสมอยู่ในเนื้อฝิ่นอันเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ฝิ่นกลายเป็นยาเสพติดให้โทษที่ร้ายแรง Alkaloid ในฝิ่นมีประมาณ 25 ชนิด แบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ 

ประเภทที่ 1 ออกฤทธิ์ทำให้เกิดอาการมึนเมา และเป็นยาเสพติดให้โทษโดยตรง Alkaloid ประเภทนี้ ทางเภสัชวิทยาถือว่าเป็นยาทำให้นอนหลับ (Hypnotic) 

ประเภทที่ 2 ออกฤทธิ์ทำให้กล้ามเนื้อหย่อนคลายตัว ซึ่งในทางเภสัชวิทยาถือว่า Alkaloid ในฝิ่นประเภทนี้ไม่เป็นสารเสพติด แต่มีฤทธิ์ทำให้กล้ามเนื้อของร่างกายหย่อนคลายตัว

(ในอดีตทางการแพทย์ใช้เป็นยาระงับอาการปวด  แก้ท้องเสีย  และ  แก้ไอ)

ผลต่อร่างกาย :
ในขณะที่ผู้เสพตกอยู่ใต้อิทธิพลของยาเสพติดจะมีอาการง่วงนอน เซื่องซึม ชีพจรเต้นช้า ไม่รู้สึกหิว ไม่พูดมาก และไม่สนใจกับสิ่งต่างๆรอบตัว อาจจะนั่งเหม่อมองออกไปโดยไม่มีจุดหมาย นัยน์ตาอาจเปลี่ยนสีและขนาดของม่านตาอาจจะเล็กลงเท่าขนาดรูเข็ม เมื่อเริ่มมีความต้องการยาครั้งต่อไปและมีอาการของการขาดยาเสพติดจะมีลักษณะอาการเริ่มต้น คือ น้ำตา น้ำมูกไหล ปวดหัว เกิดอาการคัน หาวนอน ขนลุก สะบัดร้อนสะบัดหนาว ม่านตาขยาย ผู้ติดยาเสพติดจะหงุดหงิด กระวนกระวาย ตื่นตกใจ อาการขั้นรุนแรงขึ้น คือ นอนไม่หลับ เหงื่อออก ปวดเมื่อยตามแขนขา คลื่นเหียนอาเจียน มีอาการท้องร่วง

อาการของผู้เสพ
- ขณะที่เสพ   จะมีอาการจิตใจเลื่อนลอย  ซึม  ง่วง  พูดจาวกวนไปมา  อารมณ์ดี  ความคิดและการตัดสินใจเชื่องช้า
- เสพติดต่อกันเป็นเวลานาน  ร่างกายจะทรุดโทรม  ตัวเหลืองซีด  ซูบผอม  ตาเหม่อลอย  ริมฝีปากเขียวคล้ำ  อ่อนเพลียง่าย  ซึมเศร้า  อารมณ์แปรปรวนง่าย  ความจำเสื่อม
อาการขาดยา หงุดหงิด  กระวนกระวาย  ฉุนเฉียว น้ำมูก น้ำตาไหล ขนลุก  ตัวสั่น  เหงื่อออก ม่านตาขยายผิดปกติ ปวดบิดในท้องอย่างรุนแรง คลื่นไส้อาเจียน บางรายถึงกับถ่ายเป็นเลือด  ซึ่งเรียกว่า "ลงแดง" หายใจลำบาก  อาจชัก  และหมดสติได้
 

การบำบัด
ขั้นตอนการบำบัดรักษาฝิ่นมี 4 ขั้นตอนดังนี้ 
1. ขั้นเตรียมการ เป็นการเตรียมตัวผู้ติดยาเสพติดให้พร้อมที่จะเข้ารับการบำบัด รักษาให้เกิดความเชื่อมั่นและ มีความตั้งใจจริงที่จะเลิกยาเสพติด นอกจากนี้ยังต้องเตรียมความพร้อมญาติพี่น้องและครอบครัว หรือผู้ใกล้ชิดให้เข้ามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาต่างๆ 
2. ขั้นถอนพิษยา ในขั้นตอนนี้ผู้ติดฝิ่นที่มีความตั้งใจที่จะเลิก โดยการหยุดเสพแล้วจะมีความอยากและความต้องการยาเสพติดอยู่เหมือนเช่นเคย ดังนั้น การบำบัดรักษาจะเลือกใช้วิธีการใดขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่ใช้ ปริมาณการใช้และความตั้งใจของผู้เสพ หากเสพในปริมาณมากและเป็นเวลานานหลายปี จะมีอาการถอนพิษยา (Withdrawal Symptoms) เช่น หาวนอน น้ำมูก น้ำตาไหล เหงื่อออกมาก มีอาการทุรนทุราย หงุดหงิด ปวดกล้ามเนื้อ ปวดท้อง ท้องเดิน อาเจียน รายที่รุนแรงอาจถ่ายเป็นเลือดที่ชาวบ้าน เรียกว่า “ลงแดง” หรือมีอาการชักเกิดขึ้น เพราะอาการต่างๆ อาจรุนแรง ถึงชีวิตได้ แต่หากเริ่มเสพมาไม่นานนักและมีความตั้งใจที่จะเลิกจริงๆ วิธีที่ดีที่สุด คือ การหยุดใช้ยาเองหรือที่เรียกว่า “หักดิบ” พักผ่อนให้เต็มที่ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายให้ร่างกายแข็งแรงก็จะสามารถถอนพิษยาออกจากร่างกายได้ในที่สุด โดยจะใช้เวลาไม่นานกว่า 15 วัน 3. ขั้นฟื้นฟูสมรรถภาพ เป็นการปรับสภาพร่างกายและจิตใจของผู้เลิกยาเสพติดให้มีความเข้มแข็ง ปรับเปลี่ยนบุคลิกภาพ ความคิด ความรู้สึกและพฤติกรรมให้สามารถกลับสู่สังคมได้อย่างปกติ โดยการให้คำปรึกษา การฟื้นฟูสมรรถภาพแบบชุมชนบำบัด เป็นต้น ซึ่งผู้ติดยาเสพติดสามารถเข้ารับการฟื้นฟูสมรรถภาพได้ที่ศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพ ผู้ติดยาเสพติดที่มีอยู่ทั่วประเทศ 
4. ขั้นติดตามดูแลหลังรักษา เป็นการติดตามดูแลผู้เลิกยาเสพติดที่ผ่านการบำบัดรักษา ทั้ง 3 ขั้นตอน เพื่อให้คำแนะนำปรึกษา ให้กำลังใจ ทั้งนี้เพื่อมิให้หวนกลับไปเสพยาเสพติดซ้ำ

โทษทางกฎหมาย
ฝิ่น จัดเป็นยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 2พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522

ข้อหา ยาเสพติดให้โทษประเภท 2
ผลิต นำเข้า ส่งออก - จำคุก 20 ปี ถึงตลอดชีวิต และปรับ 200,000 - 500,000 บาท (ม.68)
จำหน่าย ครอบครองเพื่อจำหน่าย - คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ไม่เกิน 100 กรัม จำคุก 3-20 ปี และปรับ 30,000–200,000 บาท ถ้าคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์เกินกว่า 100 กรัม จำคุก 5 ปี ถึงตลอดชีวิต และปรับ 50,000-500,000 บาท (ม.69 ว.3 ว.4)
ครอบครอง - คำนวนเป็นสารบริสุทธิ์ไม่เกิน 100 กรัม จำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 50,000 บาท (ม.69 ว.1) 
- คำนวนเป็นสารบริสุทธิ์ 100 กรัมขึ้นไป ถือว่าครอบครองเพื่อจำหน่าย (ม.17)
เสพ จำคุก 6 เดือน ถึง 10 ปี และปรับ 5,000– 100,000 บาท (ม.91)
ใช้อุบาย หลอกลวง ขู่เข็ญใช้กำลังประทุษร้ายฯให้ผู้อื่นเสพ - จำคุก 1-10 ปี และปรับ 10,000-100,000 บาท (ม.93)
- ถ้ากระทำโดยมีอาวุธหรือร่วมกัน 2 คนขึ้นไป จำคุก 2-15 ปี และปรับ 20,000-150,000 บาท
- ถ้ากระทำต่อหญิงหรือต่อผู้ยังไม่บรรลุนิติภาวะ หรือเพื่อจูงใจให้ผู้อื่นกระทำความผิดอาญา หรือเพื่อประโยชน์ในการกระทำความผิดอาญา จำคุก 3 ปี ถึงตลอดชีวิต และปรับ 30,000-500,000 บาท
ยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่นเสพ จำคุก 1-5 ปี และปรับ 10,000 – 50,000 บาท (ม.93 ทวิ)

 

ลำดับขั้นการเจริญเติบโตของต้นฝิ่น 1 ช่วงอายุ 
(ตั้งแต่เพาะเมล็ดจนกระทั่งเก็บผลผลิตรวมระยะเวลาประมาณ 90 วัน)

 
25-30 วัน 

 
45-50 วัน 

 
60-65 วัน 

 
70-73 วัน

 
70-73 วัน

 
75-77 วัน 


80-81 วัน 


82 วัน 


83 วัน 


84 วัน 


87 วัน 


88-90 วัน 


91-93 วัน 


95 วัน 

 
100-110 วัน

กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา

จัดทำโดย...นายไชยา  เฉลียวพงษ์  อาจารย์ 1 โรงเรียนปากคาดพิทยาคม อำเภอปากคาด จังหวัดหนองคาย